วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนองคาย นรข.นำเรือออกชี้แจง กับเรือดูดทราย สปป.ลาว ที่ลักลอบเข้ามาดูดทรายติดเขตประเทศไทย


วันที่ 4 ต.ค. 2558 เวลาประมาณ 10.00 น. น.อ.สุชาติ อุดมนาค ผบ.นรข.เขตหนองคาย คนใหม่หลังจากมารับตำแหน่ง ผบ.นรข.เขตหนองคาย ไม่กี่วันก็ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านกลุ่มผู้เลี้ยงปลากระชัง ต.เวียงคุก และ ต.ปะโค อ.เมืองหนองคาย ว่าพวกตนได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากมีเรือดูดทรายและหินกรวดของ สปป.ลาว  เข้ามาดูดใกล้กับพื้นที่ของประเทศไทย และยังส่งผลกระทบต่อตลิ่งของฝั่งไทยได้รับความเสียหายด้วย  จึงได้สั่งการให้ น.ท.พงศกร อิฐสมบัติ ผบ.หมู่เรือที่ 4 และรักษาราชการหัวหน้าสถานีเรือหนองคาย นำกำลังพล 6 นาย พร้อมด้วยเรือตรวจการณ์ จำนวน 2 ลำ เข้าทำการตรวจสอบ พบมีเรือสัญชาติ สปป.ลาว จำนวน 2 ลำ จอดลอยลำอยู่ใกล้ฝั่งไทยที่บริเวณตรงข้ามกับพื้นที่ ต.เวียงคุก และ ต.ปะโค อ.เมืองหนองคาย กำลังเดินเครื่องทำการดูดทรายและหินกรวดอยู่  จึงได้ส่งสัญญาณให้หยุดแล้วขับเรือเข้าไปเทียบและชี้แจงทำความเข้าใจ  

            พร้อมแจ้งให้ทราบว่ากำลังทำการดูดทรายและหินกรวดในน่านน้ำของราชอาณาจักรไทยและให้นำเรือดูดทรายออกไปจากน่านน้ำไทย จากนั้นเรือดูดทรายและหินกรวดของสปป.ลาว ทั้ง 2 ลำ ได้หยุดและเคลื่อนออกไปจากน่านน้ำของราชอาณาจักรไทย ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

            พื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านได้ร้องเรียนไปแล้วหลายครั้งหลายหน่วยงานแต่ก็มีเจ้าหน้าที่บางหน่วยเข้ามาตรวจสอบและก็เงียบไปไม่มีการดำเนินการใดๆ ยังคงปรากฎมีการดูดทรายและหินกรวดกันต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เมื่อ น.อ.สุชาติ อุดมนาค มารับหน้าที่เป็น ผบ.นรข.เขตหนองคาย  จึงได้ร้องเรียนเข้ามาอีกครั้ง  เนื่องจากการดูดหินกรวด ทรายในแม่น้ำโขงนั้น สร้างปัญหาที่ตามมาคือทำให้ร่องน้ำลึกเปลี่ยนเข้าใกล้ฝั่งไทยทำให้เกิดการเสียดินแดน และจะต้องดำเนินการตามระเบียบที่ได้รับอนุญาตห็ถูกต้อง
ด้าน น.ท.พงศกร อิฐสมบัติ ผบ.หมู่เรือที่ 4 และรักษาราชการหัวหน้าสถานีเรือหนองคาย กล่าวว่า สำหรับปัญหาเรือดูดหินกรวดและทราย จาก สปป.ลาว มักก่อให้เกิดปัญหาบ่อยครั้ง ถึงแม้จะมีการตกลงกันระหว่างทั้งสองฝ่าย เมื่อปี 2551 คือ ห้ามดูดหินกรวดทรายใกล้กับตลิ่งและในห่วงเดือน ก.ค. ถึง ต.ค. เนื่องจากเป็นฤดูน้ำหลาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลิ่งของแม่น้ำโขงพังเสียหาย แต่ผู้ประกอบการ
  
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนายทุนจากประเทศไทยที่ไปสัมปทานใน สปป.ลาว มักไม่ค่อยปฏิบัติตามระเบียบและข้อตกลง คงดำเนินการอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนและกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติเป็นอย่างมาก