วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนองคาย นรข.บูรณาการ เข้มตรวจยาเสพติดและสินค้านำเข้า-ออก โดยไม่ผ่านขั้นตอนศุลกากร กลับพบรถรับผู้โดยสารกลายเป็นรถขนส่งสินค้า



หนองคาย   สถานีเรือหนองคาย นรข.เขตหนองคาย บูรณาการกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง พร้อมชุดสุนัขสงคราม ประจำด่านพรมแดนหนองคาย (สะพานมิตรภาพไทย-ลาว) เข้มตรวจรถโดยสารประจำสะพานมิตรภาพ หาสิ่งเสพติดหลังจากได้รับการร้องเรียน พบมีการลักลอบนำเข้าสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษีปากระวาง


เมื่อวันที่  ๒๙ ต.ค.๕๘ เวลาประมาณ ๐๘๐๐ – ๑๗๐๐ ที่ด่านพรมแดนหนองคาย (สะพานมิตรภาพไทย-ลาว)  น.ท.พงศกร  อิฐสมบัติ ผบ.หมู่เรือที่ ๔ และรรก.หน.สน.เรือหนองคาย นรข.เขตหนองคาย พร้อมด้วยกำลังพลจำนวน ๕ นายและสุนัขทหารจำนวน ๑ ตัว ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆที่สะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ ๑ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย ได้ตรวจรถโดยสารประจำสะพานมิตรภาพ หาสิ่งเสพติด หลังจากได้รับการร้องเรียน ว่ามีการลักลอบนำเข้าทั้งยาเสพติดและสินค้านำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษีปากระวาง

จากการตรวจสอบพบรถรับส่งผู้โดยสารกลายเป็นรถขนส่งสินค้า สินค้าที่พบ คือ เสื้อสตรี ,ไฟฉาย , ขนม, วิทยุเล็ก และ ของโชว์พลาสติก  ซึ่งมี นางจัน และ นางบุญ แม่ค้า สปป.ลาว รับเป็นเจ้าของ ซึ่งสินค้าวางไว้ในห้องเก็บสัมภาระใต้ท้องรถ และวางไว้บนรถช่องทางเดินและเบาะนั่งผู้โดยสาร เพื่อนำเข้ามาส่งให้กับพ่อค้าไทยดังนี้จึงได้ควบคุมสินค้าดังกล่าวเพื่อทำการตรวจสอบ โดยนายอารักษ์   กมลทิพย์ทอง และ นายบุญเหลือ ศิลาน้ำเที่ยง จนท.ศุลกากรประจำที่ด่านตรวจสินค้าขาเข้า พบว่าเป็นสินค้าที่นำเข้ามาโดยไม่ได้เสียภาษีปากระวาง  จึงได้แนะนำให้ทั้ง ๒  คน ไปดำเนินการตามขั้นตอนของศุลกากรให้ถูกต้องก่อนที่จะนำสินค้าไปส่งให้กับแม่ค้าชาวไทยต่อไป

น.ท.พงศกร  อิฐสมบัติ  กล่าวว่า  การตรวจเข้มครั้งนี้ ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง ผบ.หมู่เรือที่ ๔  รรก.หน.สน.เรือหนองคาย นรข.เขตหนองคาย ก็ได้รับการร้องเรียน ว่าได้มีการลักลอบนำเข้ายาเสพติด และสินค้านำออก และสินค้านำเข้าโดยไม่ผ่านพิธีหรือขั้นตอนทางศุลกากรจำนวนมาก  และตนขอยืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาโดยยึดเอาประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นหลัก 






วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ศูนย์ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและรับแจ้งเหตุ “งานเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาคโลก ประจำปี 2558”


ศูนย์ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและรับแจ้งเหตุ งานเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาคโลก ประจำปี 2558” 
จังหวัดหนองคาย ตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและรับแจ้งเหตุ งานเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาคโลก ประจำปี 2558ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดหนองคาย (สวท.หนองคาย) FM 90.50 MHz , AM 810 KHz และ สถานีวิทยุวัดโพธิ์ชัยใต้ร่มพุทธธรรม (พระอารามหลวง) FM 97.75 MHz

              พร้อมกับสถานีวิทยุในสมาคมวิทยุกระจายเสียงและสื่อสารมวลชนจังหวัดหนองคาย กว่า 10 สถานี เชื่อมโยงสัญณาณการถ่ายทอดเสียงรายงานข้อมูลข่าวสารแก่นักท่องเที่ยว ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งเป็นวันที่มีปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคพุ่งขึ้นตามลำแม่น้ำโขง ปีนี้ตรงกับวันที่ 27 ตุลาคม 2558 โทรศัพท์สอบถาม,รายงาน ได้ที่ สวท.หนองคาย หมายเลข 042-411609, 042-411805, 042-420425, 042-412350, สถานีวิทยุวัดโพธิ์ชัยใต้ร่มพุทธรรม หมายเลขโทรศัพท์ 042-461123, 042-460297, 042-461124
..........................................

หนองคาย กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 245 หนองคาย มอบสิ่งของพระราชทาน


 หนองคาย  กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน ที่  245 หนองคาย  มอบสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้กับประชาชนที่ประสบความทุกข์ยากและภัยหนาว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
          วันที่  23 ตุลาคม 2558  ที่ศาลาอเนกประสงค์วัดบ้านเบิดใหญ่  หมู่ที่ 6  ตำบลวัดธาตุ อำเภอเมือง  จังหวัดหนองคาย   ร.ต.อ.ณัฐวุฒิ  ใจสุข  รองผู้บังคับกองร้อย ตชด.ที่ 245  รักษาราชการแทน  ผู้บังคับกองร้อย ตชด. ที่ 245  พร้อมเจ้าหน้าที่ จำนวน 15 นาย  เป็นตัวแทนนำสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มอบให้กับประชาชนที่ประสบทุพภิกขภัย  หรือประสบความทุกข์ยากแร้นแค้น  ประสบปัญหาภัยหนาว จำนวน 10 ครอบครัว และประชาชนได้รับการช่วยเหลือ จำนวน 54 คน  ซึ่งสิ่งของพระราชทานในครั้งนี้ มีจำนวน   44 รายการ

            ร.ต.อ.ณัฐวุมิ  ใจสุข  กล่าวว่า  ทาง ตชด.ที่ 245 หนองคาย  ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนชาวบ้านเบิดใหญ่ว่า  ได้ประสบปัญหาความทุกข์ยากในการดำรงชีวิต  จากนั้นจึงได้ประสานไปยังสำนักพระราชวังเพื่อขอรับสิ่งพระราชทานฯ ดังกล่าวแก่ประชาชน  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นความทุกข์ยาก  ความเดือดร้อนของพสกนิกรของพระองค์ในทุกพื้นที่  จึงได้พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่พสกนิกรเป็นเบื้องต้น  ซึ่งพสกนิกรที่ได้รับสิ่งของพระราชทานในครั้งนี้  ต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านเป็นล้นพ้น.



วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนองคาย จทน.ด่านศุลกากรร่วมกับ นรข.,จนท.ประมง ซ้อนแผนจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างตัวเป็น จนท.เฉพาะกิจ นรข.และ จนท.หน่วยสัตว์น้ำ เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการ





 หนองคาย      จนท.ศุลกากร ร่วมกับ จนท.นรข.หนองคาย  หน่วยสัตว์น้ำ  กรมปะมง  ซ้อนแผนจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ชุด เฉพาะกิจ นรข.และ จนท.หน่วยสัตว์น้ำ  หลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย แต่กลับพบว่าเป็น จนท. ตร.ชุดเฉพาะกิจ ภ.จว.หนองคาย เสียเอง


                วันที่  23 ต.ค.58  เวลา 13.45 น. ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองหนองคาย  นายรัชพล  อ่อนนิ่ม  หน.ฝ่ายควบคุมและตรวจสอบศุลกากร  รก.แทนนายด่านศุลกากรหนองคาย  , น.ท.พงศกร   อิฐสมบัติ  ผบ.หมู่เรือที่ ๔ และ รรก.หน.สน.เรือหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง  นำผู้เสียหายชาวไทยซึ่งเป็นผู้ประกอบการขายส่งสินค้าข้ามไปยังประเทศ  สปป.ลาว จำนวน  2 ราย  และพนักงานขับรถบรรทุกสินค้าชาวลาว 1 ราย  และชาวไทย 1 ราย  รวม 4 ราย  เข้าพบพนักงานสอบสวน  สภ.เมืองหนองคาย  เพื่อแจ้งความเอาผิด  กับกลุ่มบุคคลจำนวน 3 ราย  ที่ได้อ้างตัวเป็น  จนท.ชุดเฉพาะกิจ  จนท.ศุลกากร  และ จนท.นรข.หนองคาย  เรียกเก็บเงินกับผู้ประกอบการขายส่งสินค้าไปยัง สปป.ลาว   และคนขับรถยนต์บรรทุกสินค้าที่ตลาดท่าอุดม  หน้าด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย ลาว  รายละ 1,000 2,000 บาท  โดยอ้างว่าได้กระทำผิดกฎหมาย


 ทั้งนี้กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เข้าไปเรียกเก็บเงินกับคนขับรถยนต์บรรทุกสินค้ามาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 22 ต.ค.58 ที่ผ่านมา ได้เงินไปจำนวน 5,000 บาท  เนื่องจากคนขับรถเร่งรีบที่จะนำสินค้าไปส่งที่ประเทศลาว  เพราะกลัวอาหารสดเน่าและจะเกิดความเสียหาย  จึงไม่ได้ติดใจ  และในวันนี้วันที่ 23 ต.ค.58บุคคลกลุ่มนี้ได้เข้าไปขอเก็บเงินกับผู้ประกอบการ  และคนขับรถบรรทุกอีกครั้ง  ครั้งนี้ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ซึ่งถูกแอบอ้างชื่อทั้ง 2 หน่วยงานเข้ามาซุ่มดูพฤติกรรม  ว่าเป็น จนท.ตามที่กลุ่มบุคคล ทั้ง 3 กล่าวอ้างหรือไม่ ซึ่งผู้เสียหายจดจำใบหน้าได้เป็นอย่างดี   จากนั้นได้มีรถยนต์ ปิคอัพ สีดำขับเข้ามาจอดบริเวณหน้าร้าน  จนท.จึงได้ถ่ายรูปไว้ทั้งคนและยานพาหนะไว้เพื่อเป็นหลักฐานเตรียมแจ้งความดำเนินคดี   ต่อมาทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวนั้น   เป็น จนท.ตร.ชุดเฉพาะกิจ  ภ.จว.หนองคาย


สืบเนื่องจากใน 22 ต.ค.58 เวลา 14.00น. นายรัชพล  อ่อนนิ่ม  หน.ฝ่ายควบคุมและตรวจสอบศุลกากร  รก.แทนนายด่านศุลกากรหนองคาย  จนท.หน่วยสัตว์น้ำ ของกรมประมง  เข้าพบ   น.ท.พงศกร   อิฐสมบัติ  ผบ.หมู่เรือที่ ๔ และ รรก.หน.สน.เรือหนองคาย ว่าได้รับร้องเรียนจากผู้ประกอบร้านส่งอาหารทะเลฝั่งไทยว่ามีกลุ่มบุคคลเข้าไปตรวจค้นรถบรรทุกสินค้าของลูกค้าคนไทยและคนลาว ที่มาซื้อสินค้าอาหารทะเลจากร้านขายส่งและเรียกรับเงินโดยอ้างว่า เป็นหน่วยเฉพาะกิจ นรข., เทศกิจ, หน่วยสัตว์น้ำ และได้เรียกเงินจำนวน 1,000 /2,000 บาท กับลูกค้า จึงได้ปรึกษาวางแผนร่วมกันเข้าจับกุม

จากนั้นใน 23 ต.ค.58 เวลา 10.00 น. ได้มีการติดต่อจากกลุ่มชายฉกรรจ์ ว่าจะเข้ามารับเงิน ซึ่ง จนท.ทั้ง 3 หน่วยงานจึงได้ไปดักซุ่มอยู่ที่บริเวณนัดหมาย  พอถึงเวลานัดได้มีรถยนต์ ปิคอัพ สีดำขับเข้ามาจอดบริเวณหน้าร้าน  จึงแสดงตนและเชิญผู้เสียหายมาให้ดูตัวและยืนยันว่าเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกันที่มารับเงิน
ซึ่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย จะได้เรียกบุคคลทั้งสามมาทำการสอบถามรายละเอียดข้อเท็จจริง และจะดำเนินการตามกฎหมายและจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนองคาย ขนส่งเตรียมความพร้อมรถโดยสารและบริการช่วงออกพรรษา บั้งไฟพญานาค


หนองคาย ขนส่งเตรียมความพร้อมในการให้บริการและอำนวยความสะดวก พร้อมตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลออกพรรษา บั้งไฟพญานาค

วันที่  22  ตุลาคม 2558  ที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสาร เขตเทศบาลเมืองหนองคาย นายประสงค์ คงเคารพธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยนายสมหวัง ทองขาว ขนส่งจังหวัดหนองคายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจความพร้อมของรถโดยสารร่วมและสามล้อเครื่องรับจ้างที่จะให้บริการแก่ประชาชนทั่วไป นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ที่จะเดินทางมาเที่ยวในช่วงเทศกาลออกพรรษาและชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของการให้บริการและอำนวยความสะดวกในการเดินทาง   ลดปัญหาการจราจรบนเส้นทาง ได้จัดรถโดยสารเสริมบริการ สายหนองคาย จนถึงอำเภอรัตนวาปี ในวันออกพรรษา (27 ตุลาคม 2558) ซึ่งเป็นวันที่เกิดปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาค โดยมีจุดบริการต้นทางที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดหนองคาย เที่ยวแรกเวลา 06.00น. เที่ยวสุดท้าย เวลา 19.00 น. ส่วนเที่ยวขากลับจัดรถเสริมจาก อ.โพนพิสัย และ อ.รัตนวาปี โดยจะให้บริการจนกว่าจะไม่มีผู้โดยสารใช้บริการ  


นอกจากนั้นทางสำนักงานขนส่งจังหวัดหนองคาย ยังได้จัดตั้งศูนย์คุ้มครอง ผู้โดยสารสาธารณะชั่วคราวช่วงเทศกาลออกพรรษา บั้งไฟพญานาค ที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดหนองคาย  เพื่ออำนวย ความสะดวก แนะนำการเดินทาง รับแจ้งเหตุร้องทุกข์ เกี่ยวกับการให้บริการ ของรถโดยสาร ตลอดตรวจสอบสภาพความพร้อมของตัวรถที่จะให้บริการ    หากพบเห็นการเก็บค่าโดยสารเกินราคาไม่ตรงกับอัตราที่ กำหนดไว้  หรือบริการไม่สุภาพสามารถแจ้งไปที่ ขนส่งจังหวัดหรือสายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง




วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนองคาย ด่านพรมแดนเข้มและพร้อมรับนักท่องเที่ยวเทศกาลออกพรรษา บั้งไฟพญานาค


หนองคาย  ด่านพรมแดนหนองคายพร้อมรับและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวช่วง เทศกาล บั้งไฟพญานาค คาดคนเดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมาก พร้อมเฝ้าระวังบุคคลลักลอบเข้าเมือง และการลักลอบนำเข้ายาเสพติด ที่ฉวยโอกาสหน้าเทศกาล

วันที่ 22 ต.ค. 58 ที่ด่านพรมแดนหนองคาย นายรัชพล  อ่อนนิ่ม หัวหน้าฝ่ายควบคุมและตรวจสอบทางศุลกากร รักษาการ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลออกพรรษา บั้งไฟพญานาคของจังหวัดหนองคายในแต่ละปี แม้ว่าจะไม่ใช่เทศกาลวันหยุดยาว แต่จะมีประชาชนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง จ.หนองคาย เป็นจำนวนมาก ปีนี้ วันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ตรงกับอังคารที่ 27  ต.ค.2558 

คาดว่า จะมีประชาชนนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดหนองคายจำนวน ไม่ต่ำกว่าสองแสนคน ซึ่งนักท่องเที่ยวก็นิยมใช้ช่วงเวลาระหว่างวัน ก่อนและหลังชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค เดินทางข้าม ไปเที่ยวยังนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว   ผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย ลาว ซึ่งในการเตรียมการให้บริการ และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวด่านศูลกากรหนองคายนั้น จะเพิ่มช่องตรวจ ในการอำนวยความสะดวกแก่บุคคลและยานพาหนะเพื่อไม่ให้ติดขัดทั้งขาอก และขาเข้า และกำชับเจ้าหน้าที่ ให้ปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังที่

นอกจากนี้ยังได้เพิ่มมาตราการเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลลักลอบเข้าเมือง และอาชญากรข้ามชาติ การลักลอบเข้าออกประเทศ และการลักลอบนำเข้ายาเสพติด ที่ฉวยโอกาสในช่วงเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค เจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าระวัง โดยจะมีการจัดเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบปะปนอยู่ด้วย รวมกับหน่วยงานที่เกี่ยงข้องตรวจสอบป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย ด้วย



หนองคาย ขบวนการค้ายาเสพติด ปะทะกับเจ้าหน้าที่ ยึดกัญชา 765 กก.

            

 หนองคาย  เกิดการปะทะกันระหว่างขบวนการค้ายาเสพติด กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสังคม ยิงกันสนั่น นานกว่า 5 นาที ต้องขอกำลังเสริมจาก ตชด.และ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ก่อนคนร้ายทิ้งรถและกัญชากระโดดลงเรือขับหลบหนีข้ามไปฝั่ง สปป.ลาว  สามารถยึดกัญชาแห้งอักแท่งได้ประมาณ 756 กิโลกรัม โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย

เมื่อคืนวันที่ 21 ต.ค.58 เวลาประมาณ  20.00 น. ที่บริเวณสวนยางพาราริมฝั่งโขง บ้านม่วง หมู่ 2 ต.บ้วนม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย  เกิดการปะทะกันระหว่างขบวนการค้ายาเสพติด  กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสังคม ยิงกันสนั่นสวนยางริมแม่น้ำโขง ต้องขอกำลังเสริมจาก ตชด.และ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี คนร้ายทิ้งรถและกัญชากระโดดลงเรือขับหลบหนีข้ามไปฝั่ง สปป.ลาว  จึงได้รายงานให้นายสุชาติ  นพวรรณ  ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย  ทราบ จากนั้นได้สนธิกำลังหน่วยงานในพื้นที่เข้าตรวจสอบพื้นที่พบกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 16 กระสอบ น้ำหนัก 756 กิโลกรัม ห่อด้วยกระดาษฟอยล์ตระกั่วกันน้ำ บรรจุในถุงหัวอาหารปลาสีขาว ทับด้วยถุงพาสติกสีดำอีกชั้นหนึ่ง 

บรรทุกอยู่บนรถยนต์ปิคอัพ อีซูซุ  ดีแม็กสี่ประตู สีบรอนเทา หมายเลขทะเบียน ฎบ 6503  กรุงเทพมหานคร ใกล้กันยังพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน ตรวจค้นภายในรถพบสมุดคู่มือรถ จำนวน 2 เล่ม และแผ่นทะเบียนปลอม จำนวน  2 แผ่น  จึงได้ตรวจยึดมาที่ กองร้อย อส.ที่ 5 อ.สังคม จ.หนองคาย

การปะทะกันครั้งนี้ครั้งนี้ นายนพดล  วิริยะยุทธ  นายอำเภอสังคม ได้รับแจ้งจากสายว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดประเภทกัญชา ข้ามจาก สปป.ลาว มาส่งที่บริเวณสวนยางพาราท้ายหมู่บ้านบ้านม่วง หมู่ ต.บ้านม่วง ประมาณ 1,000แท่ง (พันกิโลกรัม) จึงได้รายงานให้นายสุชาติ  นพวรรณ  ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย  ทราบ จากนั้นได้จัดกำลังเจ้าหน้า อส.ออกปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามเข้าดักซุ่ม จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. 

อส.ชัยยา  ปลัดพรหม อส.วีระชัย  พิมโพธิ์พันธ์ สังเกตุ เห็นเรือจำนวน 5 ลำ บรรทุกสิ่งของและมีชายนั่งมาในเรือลำละ 2 มุ่งหน้ามายังฝั่งไทย ใกล้กับที่ทั้งสองซุ้มอยู่  และพบรถยนต์คันดังกล่าวจออยู่ในสวนยางพารา และ รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน  จึงได้แสดงตนเข้าตรวจค้น เมื่อคนขับเห็นจึงบีบแตรรถยนต์ดังยาวเป็นการส่งสัญญาณ และวิ่งกระโดดลงเรือ หลบหนีพร้อมกัญชาอีกจำนวน 300 กิโลกรัม ที่ยังลำเลียงขึ้นไม่หมด จากนั้น ก็ได้ยินเสียงปืนไม่ทราบชนิดยิงมาจากเรือ เป็นชุด ๆ    จึงเข้าที่กำบังและยิงสวนกลับไปนานประมาณ 5 นาที จึงได้วิทยุขอกำลังจาก กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และ ตชด. ที่อยู่ใกล้ เข้าช่วย และเข้าตรวจสอบพบกัญชาจำนวนดังกล่าว จึงได้ทำการตรวจยึดและนำมาที่ กองร้อย อส.ที่  5 อ.สังคม  เพื่อตรวจนับละเอียดอีกครั้ง


เวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 22 ต.ค. 58  จนท. ได้การจับกุม นายจอมใจ  ชัยเลิศ  128/ 1 หมู่ 2 ต.หนองไขว่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์  ได้ที่วัดบ้านตาดเสริม ขณะนั่งกินข้าว โดยได้ไปซื้อรองเท้า และซื้อข้าว ที่ร้านค้าในหมู่บ้าน มานั่งกิน ชาวบ้านเห็นสงสัยเลยแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและจับกุมตัว 


ส่วนนายรุ่ง  ใจกระจ่าง  1/2 ม.2 ต.หนองแค  จ.สระบุรี  จับกุมตัวได้ที่บริเวณ สามแยกบ้านม่วง ขณะเดินจะไปซื้ออาหารที่ร้านค้า ใกล้กับบริเวณเกิดเหตุ  


เบื้องต้น ทั้งสองรับว่าพวกตนเป็นเพียงคนรับจ้างให้มารับกัญชาเท่านั้น เพื่อจะนำไปส่งให้กับผู้ค้าในพื้นที่ตอนในของประเทศ  ขณะเกิดเหตุ ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปรับกัญชาที่พ่อลาวนำมาส่งให้ที่บริเวณเกิดเหตุ  ขณะกำลังลำเลียงกัญชาขึ้นจากเรือมาใส่รถ  พบเจ้าหน้าที่ ตกใจวิ่งหลบหนี แต่ในที่สุดไปไม่รอดเนื่องจากพวกตนเป็นคนมาจากที่อื่น ไม่รู้พื้นที่ จึงหลบอยู่ป่าริมแม่น้ำโขงใกล้กับ ที่เกิดเหตุ  เมื่อเห็นว่า จนท.ออกจากพื้นที่ไปแล้ว 

จึงได้ แยกกันหลบหนีออกจากพื้นที่ลัดเล่าะไปตามป่าเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อหาซื้อรองเท้าและข้าวทาน แต่ก็มาถูก จนท.จับกุมตัวได้ดังกล่าว จากนั้นจะนำตัวทั้งสองคนมาทำการสอบสวน และควบคุมตัวพร้อมของกลางกัญชา จำนวน 765 แท่ง (765 กก.) ส่งพนักงานสอบสวน สภ.นางิ้ว อ.สังคม ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้ขยายผลติดตามผู้เกี่ยวข้องที่หลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป        


วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนองคาย ชมรมผู้ประกอบการดูดทราย เข้าพบและยื่นหนังสือ ต่อ นรข.หนองคาย ขอนำเรือออกทดลองดูดทรายหลังหยุดมาแล้วกว่า 4 เดือน

หนองคาย   ชมรมผู้ประกอบการดูดทราย เข้าพบและยื่นหนังสือ ต่อ นรข.หนองคาย ผ่านไปยังกรรมการเกี่ยวข้องระดับจังหวัด  เพื่อขอความอนุเคราะห์  ในการนำเรือและเครื่องอุปกรณ์ดูดทราย ออกลดลองดูดทรายหลังจากหยุดมานานกว่า 4 เดือน ตามมติของกรรมการ ก่อนจะถึงวันอนุญาตให้ดูดจริงในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้

วันที่ 20 ตุลาคม 2558 เวลาประมาณ  14.00 น. ที่ สถานีเรือหนองคาย นรข.เขตหนองคาย  นายนริศ  แป้นใหญ่ บริษัท อุดรสหโชค จำกัด  ประธานผู้ประกอบการดูดทรายจังหวัดหนองคาย  พร้อมด้วย นายนเรศ   แป้นใหญ่ ,นายพูนชัย  ภูตามาตย์ และ นายสมบัติ  ทะแพงพันธ์ เข้าพบและยื่นหนังสือต่อ น.ท.พงศกร   อิฐสมบัติ  ผบ.หมู่เรือที่ ๔ และ รรก.หน.สน.เรือหนองคาย ที่เป็นตัวแทนส่วนราชการ และเป็นผู้รับผิดชอบดูแลน่านน้ำแม่น้ำโขงของประเทศไทย เพื่อขอความอนุเคราะห์ในการนำเรือดูดทรายพร้อมอุปกรณ์ ออกลดลองดูดทรายหลังจากหยุดดูดทรายตามระเบียบข้อบังคับของคณะกรรมการ นานกว่า  4 เดือน เพื่อเป็นการเช็คความพร้อมของเครื่องยนต์เรือและอุปกรณ์  ก่อนที่จะถึงวันอนุญาตให้ทำการดูดในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 นี้ 



น.ท.พงศกร   อิฐสมบัติ  กล่าวว่าจะได้รายงานให้ น.อ.สุชาติ  อุดมนาค ผบ.นรข.เขตหนองคาย  ทราบ และจะนำหนังสือและข้อเสนอของผู้ประกอบการ เสนอต่อกรรมการระดับจังหวัด หรือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ทราบต่อไป และขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ก่อนที่จะขนย้ายทรายนั้นควรเป็นทรายแห้ง ไม่ให้มีหยดน้ำ ให้คลุมด้วยผ้าใบ เพื่อป้องกันมวลพิษ ที่จะส่งผลต่อผู้ใช้รถใช้ถนน ตลอดจนประชาชนที่อยู่ใกล้กับเส้นทางรถบรรทุกทรายวิ่งผ่าน  และให้ชมรมผู้ประกอบการดูดทรายไปประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกปฎิบัติตามระเบียบให้ถูกต้อง  เรื่องเรือลาวที่ลักลอบเข้ามาดูดทรายในเขตประเทศไทยนั้น  ทางจังหวัดจะต้องทำหนังสือประท้วงไปยังเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ของ สปป.ลาว  ซึ่ง นรข.ก็ได้นำเรือออกไปผลักดันให้พ้นจากเขตน่านน้ำไทยแล้วถึง 2 ครั้ง  หลังจากการที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน  ถึงแม้จะมีการตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่ายว่าให้หยุดดูดทรายในห้วง  ก.ค.-ต.ค. รวม 4 เดือนเนื่องจากเป็นช่วงที่น้ำโขงมีปริมาณน้ำสูงและหลาก  ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้ตลิ่งฝั่งโขงได้รับความเสียหาย  ผู้ประกอบการไทยได้หยุดดูดตามข้อตกลงร่วมกันเมื่อ ปี 2551  แต่เรือดูดทราย ของลาว ไม่ได้หยุด  คงดำเนินการดูดทรายต่อเนื่องโดยไม่ใส่ใจว่าจะส่งผลกระต่อความสัมพันธ์อันดีต่อประชาชนทั้งสองฝั่งแม้แต่น้อย    และคาดว่าจะมีการประชุมผู้ประกอบการดูดทรายร่วมระหว่าง สปป.ลาว กับ จังหวัดหนองคาย  เกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าวภายในเดือน พฤศจิกายน นี้    

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนองคาย พัฒนาเพื่อความมั่นคงของมนุษย์มอบเงินช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์


หนองคาย มอบเงินช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์  ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ที่ถูกนายหน้าชักชวนให้ไปทำงานเรือประมง จำนวน 5 ราย หลังกินนอนในเรือนานกว่า 4 เดือน

วันที่ 14 ตุลาคม 2558  เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาเพื่อคามมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดหนองคาย   นายมนต์สิทธิ์  ไพศาลธนวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้มอบเงินช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์  จำนวน 5 รายๆ ละ 47,100 บาท รวมเป็นเงิน จำนวน 235, 500 บาท

การมอบเงินช่วยเหลือครั้งนี้ สืบเนื่องจาก สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จังหวัดปทุมธานี  ได้ให้การช่วยเหลือ ที่เข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558  จำนวน 5 คน  เนื่องจากถูกนายหน้าชักชวนให้ไปทำงานเรือประมง โดยตกลงทำสัญญา 4 ปี และทุกเดือนจะได้ขึ้นฝั่ง ก่อนลงเรือได้จ่ายเงินให้คนละ 20,000 บาท  พอเดินทางไปถึงก็ไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลง โดยมีการทำเอกสารปลอมเอารูปถ่ายไปใส่ในหนังสือเดินทางของชาวพม่า  ซึ่งทั้ง 5 คน หลบหนีเข้าไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ประเทศอินโดนีเซีย  จากนั้นทางการอินโดนีเซียได้ประสานมายังประเทศไทยให้เข้าทำการช่วยเหลือ ทั้ง 5 คน และส่งกลับบ้านเมื่อ วันที่ 11 มีนาคม 2558  จากนั้นคณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ เป็นเงินจำนวน 235,500 บาท  เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายในการครองชีพ และบำบัดฟื้นฟูทางร่างการและจิตใจ


นายเคน  สีพิลา อายุ 51 ปี  เปิดเผยว่า พวกตนทั้ง 5 คน ได้ถูกนายหน้ามาชักชวนให้ไปทำงานเรือประมง ซึ่งมีรายได้ จึงพากันตัดสินใจเดินทางไป และลงเรือลอยลำอยู่กลางทะเล 4 เดือน เงินค่าจ้างก็ไม่ได้ ซึ่งเรือแต่ละลำจะมีลูกเรืออยู่ประมาณลำละ 20-30 คน และแต่ละวันจะมีศพคนตายลอย พวกตนคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายแน่ๆ  จากนั้นเรือได้เข้าไปยังฝั่งประเทศอินโดนีเซีย พวกตนจึงได้หลบหนีไปขอความช่วยเหลือจาก เจ้าหน้าที่ของประเทศอินโดนีเซีย และได้รับการช่วยเหลือกลับบ้านในวันนี้    ตนอยากฝากไปถึงผู้ที่คิดอยากจะไปทำงานเรือประมง อย่าไปหลงเชื่อนายหน้าเด็ดขาด หากหลงไปแล้วอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาเหมือนพวกตนก็เป็นได้