วันที่ 12 ตุลาคม 2558 ชาวบ้านพร้าวเหนือ หมู่ 3
ต.กวนวัน อ.เมืองหนองคาย ชาวบ้านกว่า 30 คน ได้รวมตัวกันที่บริเวณเขื่อนพนังกั้นน้ำโขง
ติดกับท่าทรายเอซีอภิชัย ร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ได้รับความเดือดร้อนในการสัญจรไปมายังพื้นที่ทำการเกษตร
หลังจากเจ้าของท่าทรายได้ปิดเส้นทาง สาธารณะ ที่ใช้สัญจรไปมาเป็นประจำในการทำการเกษตรของชาวบ้าน
จากการเข้าตรวจพื้นที่เจ้าหน้าที่พบว่า มีการนำท่อเหล็กขนาดใหญ่และยางรถยนต์วางปิดกั้นเส้นทาง
การตรวจสอบครั้งนี้โดยมี นายโสภณ ห่วงญาติ นายอำเภอเมืองหนองคาย ,ร้อยเอกจำนง แสงกุดเรือ กองกำลังรักษาความสงบ จ.หนองคาย, น.ท.พงศกร อิฐสมบัติ ผบ.หมู่เรือที่ ๔ รรก.หน.สน.เรือหนองคาย นายพชร อุปฐานา นักวิชาการที่ดินชำนาญการ สนง.ที่ดิน จ.หนองคาย,ตำรวจ สภ.เวียงคุก ,นายแสงธรรม หัสดี นายกเทศมนตรีตำบลกวนวัน และ นางกัญญณัฐ ชัยฤทธิ์ เจ้าของท่าทรายเอซีอภิชัย เข้ารับฟังและหาทางออกร่วมกัน
นายเศรษฐา โพนทอง อายุ 56 ปี เป็นตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านที่มีแปลงเกษตรอยู่ริมแม่น้ำโขงได้ใช้เส้นทางสายนี้เข้า ออก พื้นที่การเกษตร และขนส่งสินค้าทางการเกษตรมาเป็นประจำหลายสิบปี แต่พอท่าทรายเอซี อภิชัย เข้ามาทำกิจการกลับไม่อนุญาตให้ชาวบ้านสัญจรผ่าน และยังนำป้ายมาติดเป็นที่ดินส่วนบุคคล ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน จึงได้มารวมตัวกันร้องขอความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งการขอใช้เส้นทางเดิมที่เคยใช้มา รวมถึงการขอใช้เส้นทางริมตลิ่งแม่น้ำโขงซึ่งเป็นของกรมเจ้าท่าในการสัญจรไปมาด้วย
ด้าน นางกัญญณัฐ ชัยฤทธิ์ เจ้าของท่าทราย กล่าวว่า ตนทำกิจการท่าทรายมาเกือบ 10 ปี ทุกครั้งมีปัญหาร้องเรียนท่าทรายของตนตลอด โดยที่ตนไม่เคยห้ามชาวบ้านใช้เส้นทาง แต่เนื่องจากเมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าของที่ดินที่อยู่ติดกันได้มารังวัด และปักแนวรั้วคอนกรีต ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดว่าท่าทรายกันที่ดินไม่ให้ชาวบ้านผ่าน จึงไปร้องเรียนว่าเกิดความเดือดร้อนจากท่านทรายปิดเส้นทาง สำหรับแนวที่ดินที่ขึ้นป้ายที่ส่วนบุคคลนั้นก็เป็นเขตส่วนบุคคลจริงๆ
ส่วน นายโสภณ ห่วงญาติ นายอำเภอเมืองหนองคาย กล่าวว่า เบื้องต้นจะให้ที่ดินตรวจสอบก่อนว่าพื้นที่ดังกล่าวนี้ตามหลักฐานราชการเป็นเส้นทางสาธารณะจริงหรือไม่ และจะได้เชิญตัวแทนชาวบ้าน 10 คน มาให้ข้อมูลร่วมกับคณะกรรมการท่าทราย เทศบาลตำบลกวนวัน เจ้าของกิจการท่าทราย และเจ้าหน้าที่ที่ดิน อย่างไรก็ตาม หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นที่สาธารณะทุกคนก็มีสิทธิใช้เส้นทางนี้ร่วมกัน ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ชาวบ้านพอใจและแยกย้ายกันกลับ