หนองคาย เจ้าหน้าที่สถานีเรือหนองคาย นรข.เขตหนองคาย นำเรือพร้อมกำลังพลออกทำการชี้แจงทำความเข้ากับเรือดูดทรายจาก
สปป.ลาว ที่ลักลอบเข้ามาดูดทรายใกล้เขตประเทศไทย หลังจากที่ผ่านมามีชาวบ้านร้องเรียนมาแล้วหลายครั้ง
ทำให้ได้รับความเดือดร้อนและตลิ่งฝั่งไทยได้รับความเสียหาย
วันที่ ๑๕ ต.ค.๕๘ เวลา ๑๔๐๐ สน.เรือหนองคาย นรข.เขตหนองคาย น.ท.พงศกร อิฐสมบัติ
ผบ.หมู่เรือที่ ๔ และรรก.หน.สน.เรือหนองคาย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนชาวบ้านบ้านหินโงม
ต.หินโงม อ.เมือง จ.หนองคาย ได้รับความเดือนร้อนจากการที่เรือดูดทรายของ สปป.ลาว เข้ามาดูดทรายใกล้กับกระชังเลี้ยงปลาและใกล้กับฝั่งของราชอาณาจักรไทย
ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชัง และตลิ่งของฝั่งไทยได้รับความเสียหาย จึงได้รายงาน ให้ น.อ.สุชาติ
อุดมนาค ผบ.นรข.เขตหนองคาย ทราบ และสั่งการให้ ร.ต.อมร จันหอม
ผค.เรือ ล.๑๒๙ นำเรือราดตระเวนจำนวน
๒ ลำพร้อมกำลังพลจำนวน ๖ นาย ออกไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบเรือดูดทรายของ สปป.ลาว จำนวน 3 ลำ กำลังดูดทรายอยู่ในแม่น้ำโขงล้ำเข้ามาใกล้ฝั่งประเทศไทย
เจ้าหน้าที่ นรข. จึงได้ให้สัญญานหยุดพร้อมชี้แจงทำความเข้าใจว่ากำลังดูดทรายล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทย และแจ้งให้เรือดูดทรายของ สปป.ลาวทั้ง ๓ ลำ
ให้ออกจากน่านน้ำแม่น้ำโขงของราชอาณาจักรไทย จากนั้นเรือดูดทรายของ
สปป.ลาว ทั้ง 3ลำ ได้หยุดและเคลื่อนย้ายออกไปจากน่านน้ำของราชอาณาจักรไทย
ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ นรข.
พื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านเคยร้องเรียนไปหาหน่วยงานรับผิดชอบและหลายหน่วยงานแล้วแต่ก็ไม่มีการดำเนินการแก้ไขจนเกิดความเสียหายแก่ตลิ่งฝั่งไทย
เนื่องจากมีการดูดทรายอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
เมื่อ น.อ.สุชาติ อุดมนาค ผบ.นรข.เขตหนองคาย และ น.ท.พงศกร อิฐสมบัติ
ผบ.หมู่เรือที่ ๔ และ รรก.หน.สน.เรือหนองคาย มารับหน้าที่ใหม่ จึงได้รวมกันร้องเรียนเข้ามาอีกครั้งโดยมั่นใจว่าจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้
เนื่องจากการดูดทรายในแม่น้ำโขงล้ำเข้ามาใกล้ฝั่งประเทศไทยนั้น สร้างความเสียหายเกิดปัญหาร่องน้ำลึกเปลี่ยนเข้าใกล้ฝั่งไทย อีกทั้งทำให้เกิดการเสียดินแดน ประชาชนที่ประกอบอาชีพทำการประมงไม่ได้
เนื่องจาก ทาง สปป.ลาว กล่าวหาว่า คนไทย ขับเรือออกหาปลารุกล้ำเข้าไปในเขตน่านน้ำของ
สปป.ลาว
น.ท.พงศกร
อิฐสมบัติ ผบ.หมู่เรือที่ 4 และรักษาราชการหัวหน้าสถานีเรือหนองคาย กล่าวว่า ปัญหาเรือดูดทราย
จาก สปป.ลาว นั้นมักล้ำเข้ามาดูดในเขตประเทศไทยเป็นประจำ และก่อให้เกิดปัญหาบ่อยครั้ง
ซึ่งเป็นปัญหาที่ยังไม่ได้รีบการแก้ไขเป็นรูปธรรม ถึงแม้จะมีการตกลงกันระหว่างทั้งสองฝ่าย
เมื่อปี 2551 คือ ห้ามดูดหินกรวดทรายใกล้กับตลิ่งและในห่วงเดือน ก.ค. ถึง ต.ค.
เนื่องจากเป็นฤดูน้ำหลาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลิ่งของแม่น้ำโขงพังเสียหาย
แต่ผู้ประกอบการ มักไม่ค่อยปฏิบัติตามระเบียบและข้อตกลง
คงดำเนินการอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีของประชาชนของทั้งสองประเทศ
เกิดปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนและกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติเป็นอย่างมาก
หากไม่ดำเนินการแก้ไข