วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หนองคาย เลี้ยงตะพาบน้ำเพิ่มรองรับลูกค้าจากประเทศสมาชิกอาเซียน

 
 
เกษตรกรเลี้ยงตะพาบน้ำประสบผลสำเร็จ หลังจากที่ทำนาข้าวถูกน้ำท่วมซ้ำซากและเลี้ยงปลายากกว่าเลี้ยงตะพาบน้ำ  มีลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาซื้อถึงที่ และตลาดเริ่มต้องการมาก จนต้องขุดบ่อดินเลี้ยงเพิ่มรองรับลูกค้าจากประเทศสมาชิกอาเซียน มีรายได้จากการจำหน่ายในแต่ละปีหลายแสนบาท
นายกิตติพงษ์   ยอดคุณ  อยู่บ้านเลขที่ 280  หมู่ที่ 13 บ้านหนองไผ่ ตำบลหาดคำ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย   เกษตรกรเลี้ยงตะพาบน้ำ กล่าวว่า  แต่ก่อนตนมีอาชีพทำนา ไม่ประสบผลสำเร็จเนื่องจากนาที่ทำถูกน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี ได้ผลผลิตน้อย เลี้ยงปลาก็เลี้ยงยาก ลงทุนก็มาก จึงมีแนวคิดทำอาชีพเสริมหารายได้เลี้ยงครอบครัว  จึงขุดบ่อดิน จำนวน 3 บ่อ บนเนื้อที่นาข้าว จำนวน 5  ไร่   
ส่วนหนึ่งก็สร้างบ้านพักอาศัย ไปซื้อลูกตะพาบน้ำพันธุ์ไต้หวันมาเลี้ยงทดลอง บ่อละ 2,000  ตัว  ส่วนอาหารที่ใช้เลี้ยงก็จะเป็นอาหารปลาดุก  ปลาตาย และหอยเชอรี่ การให้อาหารตัวเล็กก็จะให้ 2 ครั้ง เช้า- เย็น ส่วนตัวโตก็จะให้อาหารครั้งเดียว เลี้ยงประมาณ 17-18 เดือน เก็บขายได้ กิโลกรัมละ 250-300 บาท  มีลูกค้าและตลาดต้องการมาก โดยเฉพาะลูกค้าจาก สปป.ลาว จะเดินทางมาซื้อจำนวนมาก ไม่เพียงพอต่อความต้องการ  ช่วงระยะเวลาก่อนที่จะได้ขายตะพาบ ก็จะเพาะพันธุ์ลูกตะพาบน้ำขาย ด้วยการสร้างโรงวางไข่ไว้  เพื่อให้แม่พันธุ์ตะพาบน้ำมาวางไข่  2 วันจะเก็บได้ครั้งละ 200-300 ฟอง

จากนั้นจะนำไปไว้ ที่โรงฟักไข่ทำพื้นที่กั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม นำทรายหยาบ ๆ มาเทใสไว้ แล้วนำไข่ที่ได้ไปวางไว้ถมด้วยทราย ประมาณ
50-60 วัน ไข่ก็จะทยอยฟักเป็นตัว  จากนั้น จะนำไปลงบ่ออนุบาลที่ทำไว้ มี 48 บ่อ มีลูกพันธุ์ปล่อยไว้ประมาณ 3,000-5,000 ตัว  โตได้ประมาณ 1 เดือนแข็งแรงดี  ก็จะขายได้ตัวละ 10-15 บาท  ก็มีลูกค้ามารับซื้อ  และไม่เพียงพอต่อความต้องการอีกเช่นกัน   ช่วงที่วางไข่ตั้งแต่เดือนเมษายน-ตุลาคม ซึ่งแต่ละปีตนก็จะเหลือลูกพันธุ์ไว้จะไม่จำหน่ายจนหมด  เพราะจะนำลูกตะพาบน้ำไปเลี้ยงไว้ในบ่อดินหมุนเวียนกันไปในแต่ละปี  ปัจจุบันได้ขุดบ่อดินเพิ่มอีก 2 บ่อ เป็น  5  บ่อ เพื่อเพิ่มปริมาณตะพาบน้ำ  รองรับความต้องการของลูกค้าทั้งไทยและลาว  ซึ่งคาดว่าหากเปิดประตูสู่อาเซียนจะมีลูกค้าจากจีน มาสั่งซื้อเพิ่มขึ้นด้วย  เนื่องจากตลาดความต้องการมีมากขึ้น 


สำหรับการเลี้ยงตะพาบน้ำ ตนคิดว่า  เลี้ยงง่ายกว่าเลี้ยงปลาอีก ดูแลง่ายและเมื่อตัวโตจะแข็งแรง เป็นสัตว์ที่กินน้อย ไม่มีโรคภัย และจะไม่มีปัญหาในการเลี้ยง  เพียงแต่เฝ้าระวังในช่วงหน้าฝนไม่ให้ออกจากบ่อดินได้ ต้องทำรั้วแผ่นกระเบื้องปิดกั้นไว้เท่านััน      สำหรับตนเองถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ  ตะพาบน้ำที่เลี้ยงไว้วางไข่แต่ละปีรวมแล้วหลายพันฟอง ทำให้มีรายได้โดยการจำหน่ายลูกพันธุ์ และตะพาบน้ำ ในแต่ละปีมีรายได้กว่า  300,000 บาท หรือมากกว่านั้นแล้วแต่ขนาดของตะพาบน้ำ ถือว่าเป็นอาชีพเสริมเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี    ส่วนผู้สนใจต้องการเลี้ยงตะพาบน้ำก็สามารถมาศึกษาดูงานได้ เพราะตะพาบน้ำเลี้ยงไม่ยากอย่างที่คิด จนถึงปัจจุบันตนเลี้ยงตะพาบน้ำประสบผลสำเร็จมาแล้วกว่า 5 ปี