หนองคาย เปิดศูนย์การเรียนรู้เลี้ยงไก่ไข่โร๊ดไทย แบบปล่อยอิสระหรือไก่ไข่อารมณ์ดี ส่งเสริมการเลี้ยงไก่ด้วยอาหารจากวัตถุดิบในท้องถิ่น เป็นการลดต้นทุนเพิ่มรายได้ และเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชนพึ่งตนเองได้ ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วันที่ 18 มิ.ย.58 ที่บ้านนางประสิทธิ์ ปากวิเศษ
บ้านดงบัง ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นายศักดิ์สิทธิ์ ทิพยธร
ปศุสัตว์อำเภอศรีเชียงใหม่ ได้ส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่โร๊ดไทย
ด้วยอาหารจากวัตถุดิบในท้องถิ่น
และจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เลี้ยงไก่ไข่โร๊ดแบบปล่อยอิสระ โดยมีนายไพฑูรย์ จิตต์สุทธิผล
นายอำเภอศรีเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดศูนย์การเรียนรู้การเลี้ยงไก่ไข่โร๊ดไทย
แบบปล่อยอิสระหรือไก่ไข่อารมณ์ดี ตามแนวทางพระราชดำริสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชนพึ่งตนเองได้ และตามแนวพระราชดำริ
เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมมอบพันธุ์ไก่ไข่โร๊ดไทย จำนวน 1,050 ตัว ให้แก่เกษตรกร จำนวน 30
ราย
สำหรับการเปิดศูนย์เรียนรู้ครั้งนี้ ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่พันธุ์โร๊ดไทย
มาตั้งแต่ปี 2554 โดยได้รับการสนับสนุนพันธุ์ไก่ไข่จากศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ท่าพระ
จังหวัดขอนแก่นครั้งแรก 700 ตัว มอบให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ
โดยไก่ไข่ที่ได้รับจะเลี้ยงในโรงเรือนที่ทำจากวัสดุราคาถูกที่หาได้ในท้องถิ่นและมีพื้นที่จำกัด
เพื่อป้องกันโรคติดต่อสัตว์ปีก ปัจจุบันทางปศุสัตว์อำเภอศรีเชียงใหม่
สามารถผลิตพันธุ์ไก่ได้เอง และแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรในพื้นที่อำเภอศรีเชียงใหม่ 4 ตำบล ไปแล้วประมาณ 2,000
ตัว สามารถผลิตไข่ได้วันละประมาณ 300-400 ฟอง
นอกจากนั้น นายศักดิ์สิทธิ์
ทิพยธร ปศุสัตว์อำเภอศรีเชียงใหม่ ยังได้คิดค้นสูตรอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น
ได้แก่
หญ้าเนเปีย หยวกกล้วย รำ ปลายข้าว ดินแดง มูลวัวแห้ง น้ำตาลทรายแดง และเกลือ มาผสมเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง เหมาะสำหรับไก่ไข่ ด้วยต้นทุนถูกเพียงกิโลกรัมละประมาณ 3 บาท
ปัจจุบันเกษตรกรชาวอำเภอศรีเชียงใหม่ มีไข่ไก่อินทรีย์ที่ไม่มีสารตกค้างไว้บริโภคเองอย่างเพียงพอ
ส่วนที่เหลือยังสามารถนำไปจำหน่ายในตลาดสีเขียว
ที่หน่วยงานภาครัฐได้ให้การสนับสนุนส่งเสริมเกษตรกรได้มีตลาดจำหน่าย ซึ่งสามารถขายได้ฟองละ 6-8 บาท และยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค
ทำให้เกษตรกรรายย่อย สามารถลดต้นทุนการผลิต
มีรายได้และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งทางอำเภอและปศุสัตว์อำเภอจะทำการขยายพื้นที่ให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้านต่อไป